INGRS จ่ายปันผล 143% ของกำไรสุทธิรวม 0.052 บาทต่อหุ้น 

>>

Hightlight 

  • บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)  หรือ INGRS ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำระดับอาเซียน เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ 
  • ในปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 3,199.32 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 10% 
  • คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลทั้งปี ในอัตราหุ้นละ 0.052 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 75,241,019.88 บาท ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 142.6% ของกำไรสุทธิ และคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 7.6%

 

 

นายฮามิดี บิน เมาลอด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)  หรือ INGRS กล่าวว่า ในปี 2561 บริษัทฯมีรายได้รวม 3,199.32 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 10% จากรายได้รวม 2,913 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา โดยรายได้รวมของบริษัทฯ เป็นรายได้จากบริษัทย่อยในประเทศไทยประมาณ 38.4% รายได้จากบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซียประมาณ 49% รายได้จากบริษัทย่อยในประเทศอินเดียประมาณ 6.6% และรายได้จากบริษัทย่อยในประเทศอินโดนีเซียประมาณ 6% โดยบริษัทย่อยในอินเดียมีรายได้เพิ่มขึ้น 187 ล้านบาท บริษัทย่อยในไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น 57 ล้านบาท บริษัทย่อยในอินโดนีเซีย มีรายได้เพิ่มขึ้น 49 ล้านบาท บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 76,363,009 บาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 147,198,013 บาทในปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลกระทบจากลูกค้าโปรตอนในมาเลเซียและค่าใช้จ่ายภาษีรายได้ที่เพิ่มขึ้น 27.5 ล้านบาทจากปีก่อน

คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลทั้งปี ในอัตราหุ้นละ 0.052 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 75,241,019.88 บาท ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 142.6% ของกำไรสุทธิ และคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 7.6% (คำนวนจากราคาปิดวันก่อน) โดยบริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.026 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562 และจะจ่ายเงินเงินปันผลในอัตรา 0.026 บาทต่อหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 6 มิถุนายน 2562 โดยกำหนดให้วันที่ 18 เมษายน 2562 เป็นวันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้น

INGRS วางแผนที่จะขยายธุรกิจในหลายประเทศทั้งอินเดีย ไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยเฉพาะในอินเดียโดยบริษัทฯจะเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด ตลอดจนขยายฐานลูกค้าผลิตรถยนต์รายใหม่ๆเพิ่มเติม เนื่องจากอินเดียมีอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มีการผลิตรถยนต์ปีละกว่า 5 ล้านคัน และยังเติบโตสูงสุดถึง 9% จากปีก่อน

ปัจจุบันธุรกิจของบริษัท มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยบริษัทฯได้เซ็นสัญญารับออเดอร์ใหม่เพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ให้กับผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งในหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯมีการเริ่มผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ มีโครงการใหม่หลายโครงการในประเทศไทย อินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันผลประกอบการของบริษัทฯให้เติบโตอย่างมั่นคง และเมื่อเร็วๆนี้บริษัทฯได้เซ็นสัญญาเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายระบบหุ่นยนต์เทคโนโลยีระดับสูง ( COBOT) กับ กลุ่ม Neuromeka (นิวโรเมก้า) จากเกาหลีใต้ เพื่อจำหน่ายในภูมิภาคอาเซียน อินเดียและประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง นอกจากนี้ยังเซ็นสัญญาพันธมิตรด้านเทคนิคสำหรับโครงการผลิตชิ้นส่วนให้ ฮุนได ในประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย

 

INGRS เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ชั้นนำของอาเซียน

บริษัทฯ กำลังเสนองานใหม่อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการที่เป็นโครงการระดับโลกซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงกว่าโครงการทั่วไป เนื่องจากแต่ละโครงการจะมีการผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงานในหลายประเทศ โดยบริษัทฯคาดว่าจะทยอยทราบผลการประมูลภายในปีนี้ และสำหรับประเทศมาเลเซีย บริษัทฯคาดว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น และ บริษัทฯ คาดว่ายอดการผลิตชิ้นส่วนให้กลุ่มโปรตอนซึ่งเป็น 1 ในลูกค้าหลัก จะเพิ่มมากขึ้นและเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งเมื่อรวมกับการผลิตชิ้นส่วนโครงการใหม่ๆให้กลุ่มเพอโรดัว จะทำให้บริษัทฯย่อยในมาเลเซียมีผลประกอบการที่ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้

INGRS เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ชั้นนำของอาเซียน โดยกลุ่มบริษัทประกอบด้วย 9 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทย่อย 9 แห่ง ซึ่งมีความสามารถด้านเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงโดยมีการดำเนินงานใน 4 ประเทศหลัก คือ ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอินเดีย ทั้งนี้บริษัทได้พัฒนาความรู้และความเชี่ยวชาญที่จำเป็น เช่น อุตสาหกรรมให้มีเทคโนโลยีขั้นสูงร่วมกับบริษัทพันธมิตรจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงสำหรับผู้ผลิตรถยนต์หลายราย เช่น ฮอนด้า มิตซูบิชิ ฟอร์ด มาสด้า เจนเนอร์รัล มอเตอร์ อีซูซุ ซูซูกิ นิสสัน โตโยตา  ไดฮัทสุ เพอโรดัว และโปรตอน 

เช่นเดียวกับลูกค้าในประเทศอินเดีย เช่น มารูติ - ซูซูกิ เฟียต และมหินดรา มหินดรา ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง บวกกับความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการผลิตและระบบการผลิตที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติ ทำให้บริษัทฯสามารถแข่งขันในตลาดที่มีศักยภาพ ส่งผลให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งและยั่งยืน ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการจัดจำหน่ายให้กับฐานลูกค้าที่หลากหลายตั้งแต่รถยนต์นั่ง สปอร์ตยูทิลิตี้ (SUV) รถบรรทุกกระบะหนึ่งตันและรถบรรทุกขนาดเล็กในทุกประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยบริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและหลังการจัดสรรเงินสำรองตามกฎหมาย